LAIS ศูนย์วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ ซัมเมอร์แคมป์ อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เยอรมัน ทุกระดับชั้นเรียน

อังกฤษถือเป็นเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ในการเรียนต่อทางด้านการแพทย์ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนักเรียนต่างชาติที่นับว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ศึกษาต่อด้านแพทย์ในอังกฤษ

 

Studying Medicine UK

 

มาดู Key Facts กับทสรุปเข้าใจง่าย ๆ ก่อนว่าทำไมส่วนใหญ่ที่เลือกเรียนในอังกฤษ

  • อย่างแรกก็ถือว่าเป็นอันดับท๊อป 5 ของโลกด้านนี้อยู่
  • ระบบการเรียนแพทย์ สามารถเริ่มต้นตั้งแต่ในระดับปริญญาตรี ซึ่งในประเทศอื่น ๆ จะให้เรียน ป ตรีในสาขาอื่นๆ ก่อนเข้าแพทย์นั้นเอง นี้ถือเป็นจุดเด่นที่คล้าย ๆ บ้านเราในเมืองไทย
  • นับตั้งแต่มีการคิดค้นวัคซีนในปี ค ศ 1798 อังกฤษถือเป็นผู้นำพัฒนาระบบสาธารณสุขมาจวบจนทุกวันนี้ จึงทำให้การพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ระบบมายเซทการแพทย์มีความเป็นหนึ่งอันดับต้น ๆ เป็นการเรียนจากคนที่มีความคิดด้านผู้นำในการแพทย์นั้นเอง
  • จุดเด่นอีกอย่างการได้คุณวุฒิสำคัญ เนื่องจากวุฒิการศึกษาในอังกฤษ แพทย์สามารถฝึกฝนได้รอบโลก
  • และมีการจ้างบุคลากรให้กับระบบสาธารณสุขอังกฤษอย่าง NHS ที่มากถึง 1.5 ล้านคนเลยที่เดียว
  • รัฐบาลใช้งบประมาณในการลงทุนด้านสาธารณสุขที่มากถึง £213 BILLION (พันล้านปอนด์)
  • ส่วนอาชีพแพทย์ มีความต้องการสูงถึง 488,000 คนภายในปี 2030/31 ทั่วอังกฤษ
  • ระบบการเรียนในอังกฤษทางด้านแพทย์อยู่ในอันดับ ที่ 16 ของโลก จาก 100 มหาลัยรอบโลกที่สอนด้าน medicine

 

 

เส้นทางการเรียนหมอในอังกฤษ

การเป็นแพทย์ในอังกฤษนั้นต้องใช้เวลาและความทุ่มเทอย่างมาก และจะต้องใช้เวลาหลายปีในการเทรนหลายปีเพื่อที่จะได้เป็นแพทย์ทำงานในอังกฤษได้

 

สมัครเรียน นักเรียนจะต้องมีวุฒิตามที่มหาวิทยาลัยแต่ละที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่นั้นวุฒิการศึกษาภาพรวมแน่นอน จะต้องเรียนในระบบ A Level ซึ่งเป็นหลักสูตรมัธยมตอนปลายในระบบอังกฤษ หรืออีกเส้นทางคือในบางมหาลัยจะรับเป็น International Foundation อันนี้ต้องไปดูอย่างละเอียดอีกทีนะครับว่าที่ไหนไม่รับ และรับวุฒิด้านนี้*

 

Studying Medicine in UK 1

 

Medical School

โดยปรกติการเรียนแพทย์ในอังกฤษจะใช้เวลาโดยประมาณ 5 ปี แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่บางคนเลือกเรียน

Intercalated degree จะต้องเรียนเพิ่มอีกหนึ่งปี

 

 

จะเรียนอะไรบ้างในแต่ละปีของคณะแพทย์?

ในที่นี่จะอธิบายโครงสร้างทั่ว ๆ ไปก่อนนะครับ ไม่เฉพาะเจาะจงเป็นของมหาลัยใด ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ให้กลับไปศึกษาโครงสร้างของคณะนี้ให้ละเอียดอีกที่ใน official website ของมหาลัย ๆ นั้น ๆ ที่เราสนใจ

 

Year 1 and Year 2

  • Develop clinical skills and knowledge
  • Introduction to clinical practice

 

Year 3 and Year 4

  • Practical learning in clinical setting to build on theoretical learning
  • Lectures, group work, workshops and independent study to support clinical placements

 

Year 5

  • Option to study an area of interest with Student Selected Components
  • Prepare to progress onto Foundation Training.

 

 

Intercalated degree คืออะไร?

Intercalation เป็นการเรียนเพิ่มเติมแยกมาเพิ่มอีกหนึ่งปี จากคณะแพทย์ ในระดับตอนปริญญาตรี หรือ โท

 

ซึ่งในบางคณะแพทย์ในบางมหาลัยเป็นตัวบังคับ แต่บางมหาลัยก็เป็นตัวเลือกว่าจะเรียนหรือไม่ก็ได้เช่นกัน การเรียนเพิ่มเติมอีกหนึ่งปีนั้นต้องอาศัยความมุ่งมั่น  กับงานที่จะมีเยอะมาก ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มเติม ดังนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าการเรียนแบบ Intercalated degree นั้นเหมาะสมกับเราหรือไม่อย่างไร แต่ก็ประโยชน์ในหลาย ๆ แง่ คือ

  • นักเรียนจะได้เรียนเรื่องที่สนใจในเชิงลึกลงไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันไม่ว่าจะเป็นด้าน biochemistry , global health หรือเอาวิชาที่แตกต่างไปเลยเช่น art history
  • ได้วุฒิดีกรีเพิ่มจากที่มีอยู่ในป ตรี นั้นเอง
  • ก็แน่นอน เมื่อเพิ่มจำนวนปีเข้าไปก็จะดึงดูด เนื่องจากทักษะและสกิลที่สูงตามมา

 

 

Foundation Training เริ่มการเทรนนิ่ง

ในกรณีที่นักเรียนต้องการฝึกหัดหมอในอังกฤษ เป็นที่จำเป็นที่นักเรียนจะต้องเข้าสู่ช่วงของ Foundation Programme หลังจากเรียนจบแพทย์ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาต่ออีก 2 ปีในช่วงเทรนนิ่งนี้ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าหมอจบใหม่นั้นมีคุณสมบัติครบตามมาตราฐาน และเพื่อเป็นขั้นต่อไปสำหรับในการเป็น specialty training

 

 

การเทรนนิ่งเป็นอย่างไร?

การฝึกหัดจะใช้ระยะเวลาสองปีหลังจากเรียนจบ  ซึ่งนักเรียนแพทย์ในอังกฤษจะฝึกได้ที่ไหน นั้นขึ้นอยู่กับคะแนนสองตัวคือเกรด และการทดสอบที่เรียกว่า Situational Judgement Test เป็นการสอบวัดด้านทัศนคติและพฤติกรรม ซึ่งเป็นการสอบที่ใช้ในการทำงาน การได้ทำที่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับคะแนนสองตัวนี้ ระดับคะแนนสูงก็มีสิทธิ์ได้ฝึกที่สูงตามนั้นเองครับ  ในช่วงของการฝึกหัดเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะได้เป็นหมออย่างสมบูรณ์ต่อไป

 

 

Foundation Programme Certificate of Completion คืออะไร?

ในช่วงปีแรกของการฝึกเทรนนิ่งจะเรียกว่า FY1 และปีที่สองเรียกว่า FY

เมื่อจบหลักสูตร FY1 นักเรียนก็จะสามารถสมัครเป็น full registration with the General Medical Council (GMC) ซึ่งวุฒินี้นักเรียนแพทย์ก็จะสามารถทำงานแบบ unsupervised ในระบบสาธารณสุขของ NHS ที่อังกฤษได้ หรือ โรงพยาบาลเอกชนได้

และเมื่อจบในช่วงปีที่สอง FY2 ก็จะได้ใบประกาศเป็น Foundation Programme Certificate of Completion (FPCC) ซึ่งใบประกาศนี้ก็เป็นบันได ว่านักเรียนพร้อมเข้าสู่หมอเฉพาะทางต่อไป Specialty Training ในขั้นต่อไป

 

 

สำหรับนักเรียนต่างชาติ สงสัยว่า แล้วจะอยู่อังกฤษด้วยวีซ่าอะไรต่อ ระหว่างที่ฝึกหัดอยู่?

สำหรับในช่วงเวลานี้นักเรียนต่างชาติจะต้องยื่นวีซ่า Health and Care Worker visa ที่จะสามารถอยู่ในอังกฤษ ซึ่งคนที่จะเป็นสปอนเซอรืขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไปฝึกหัด

  • England: Heath Education England
  • Wales: health Education Improvement Wales
  • Scotland: NHS Education for Scotland
  • Northern Ireland: Northern Ireland Medical l and Dental Training Agency

 

 

ค่าเรียนแพทย์ในอังกฤษต้องเตรียมงบประมาณเท่าไหร่สำหรับนักเรียนต่างชาติ?

มาถึงตรงนี้เป็นจุดสำคัญ ที่เรามักจะบอกนักเรียนและผู้ปกครองว่า นอกจากเวลาที่มากในการเรียนสองปัจจัยควบคู่ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้คือ 1. เรียนเก่ง (มาก ๆ ) และ 2. ทรัพยากรทางการเงินต้องมีสูงเพียงพอ สองปัจจัยหลักขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ มีหนึ่งไม่มีสอง มีสองไม่มีหนึ่งก็ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องการเงินนั้น ถ้าจะสรุปแบบกลม ๆ ง่าย ๆที่เดียวจบ ในบรรทัดเดียว ถ้าต้องเรียน 5 ปี ไม่รวมฝึกหัด เตรียมไว้เลยที่ค่าเรียนปีละ 2 ล้านกว่า ๆ  ดังนั้นกลม ๆ 12 ล้าน สำหรับค่าเรียน ส่วนค่าที่พัก ก็อยู่ที่ว่ามหาลัยนอกลอนดอนหรือในลอนดอน ถ้าในลอนดอน ก็เตรียมค่าที่พัก เริ่มที่ เดือน ละ 5-6 หมื่นบาท สวนค่ากิน จริง ๆไม่เท่าไหร่จะพอ ๆ กับเมืองไทย หากไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกินร้านอาหาร ถ้าทำกินเองก็ไม่ต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่

 

Studying Medicine in UK 2

 

ส่วนอัตราเงินเดือนของแพทย์ในอังกฤษ ก็ตามตารางนี้คราว ๆ นะครับ

 

ประเภทของแพทย์ในอังกฤษ

  1. Junior Doctor ระดับนี้ก็ยังอยู่ในการเทรนนิ่ง ซึ่งการเทรนนิ่งนี้ยังคงอยู่ต่อหลังเรียนจบ ซึ่งก็จะเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์
  2. Specialty and Specialist Grade (SAS) Doctors SAS เป็นแพทย์ระดับซีเนียร์ที่ประสบการณ์พอสมควร ส่วนใหญ่จะจบหลักสูตรอย่างน้อยสี่ปีในระดับ postgraduate training
  3. General Practitioners (GPs) GP มีความรับผิดชอบเดียวกับคนไข้นอกโรงพยาบาลส่วนใหญ่ ซึ่งที่อังกฤษ คนไข้เริ่มแรกจะต้องมาตรวจที่ GP ใกล้บ้านเบื้องต้นก่อน หากพิจารณาแล้วว่าต้องส่งโรงพยาบาล GP จะเป็นคนลงความเห็น และส่งต่อไปแพทย์เฉพาะทาง
  4. Consultants ก็จะเป็นระดับสูงสุด ซึ่จะต้องจบหลักสูตรเต็มรูปแบบ และเป็นผู้ให้คำแนะนำต่อแพทย์อื่น ๆ

ที่นี้มาดูว่าสำหรับนักเรียนไทย ต่างชาติที่ไม่ได้เข้าเรียนมัธยมปลายในระดับ A Level or IB นั้น ยังมีโอกาสเข้าเรียนแพทย์ได้อย่างไร จริง ๆ มีทางเลือกอื่นเพิ่ม ก็ต้องอาศัยความตั้งใจและเกรดที่ไม่น้อยกว่ากันแต่ การสนามต่อสู้นั้น ยังไม่หนักเท่าแบบเข้าตรง การเรียน International Foundation หลักสูตรหนึ่งปี  จึงเป็นรูทเพิ่มสำหรับนักเรียนกลุ่มนี้ในการทำคะแนนในช่วงฟาวเดชั่นให้ถึงระดับที่สามารถเข้าไปมหาลัยที่รองรับคะแนนฟาวเดชั่นได้

 

 

INTO Medical Foundation โปรแกรมนี้เรียนเกี่ยวกับอะไร?  

 สำหรับโปรแกรมนี้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อแพทย์ในมหาลัย หรือคณะด้านสาธาณสุขอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น healthcare ดันนั้นวิชาหลักสูตรจึงเน้นไปสายวิทย์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง

 

จุดแข็งของที่ INTO Medicine

  • จุดเด่นเป็นโปรแกรมที่สอนด้านนี้โดยตรง และวิชาที่สอนเป็นสองวิชาที่เป็น Top special modules
  • มีเจ้าหน้าที่ support ในด้านการเขียน personal statement รวมถึงการวางแผนการสอบสัมภาษณ์ MMI พูดง่าย ๆมีการเตรียมความพร้อมด้านนี้โดยเฉพาะ
  • Modules ที่นักเรียนจะได้เรียนเฉพาะทางคือ Biology, Chemistry, Mathematics and Physics

 

Studying Medicine in UK 3

 

INTO London เปิดหลักสูตรนี้เฉพาะนักเรียนที่มองเส้นทางเรียนต่อแพทย์ในอังกฤษท ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องของการเตรียมตัวด้านวิชาการ ยังมีองค์ประกอบในการสอบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

 

 

ประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้อง หรือ งานด้านจิตอาสา

Medical School ส่วนใหญ่แล้วมักจะสนใจนักเรียนที่มีประวัติที่เกี่ยวข้องด้าน healthcare หรืองานจิตอาสาที่อยุ่บริบทเดียวกันทั้ง clinical and non-clinical ซึ่งโดยปกติก็จะสนใจว่านักเรียนที่ได้มีประสบการณ์กับผู้อื่น ด้านการดูแลไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย ผู้พิการต่าง ๆ การช่วยเหลือผู้ป่วยที่บ้าน หรือการปฐมพยาบาล ล้วนเป็นปัจจัยด้านบวกในการสมัคร

ในส่วนนี้ทางสถาบัน INTO ก็สามารถช่วยเหลือได้ในการหาประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง แต่ก่อนที่จะเริ่มโปรแกรมนี้นักเรียนจะต้องมีประสบกาณ์ที่เกี่ยวข้องกับ clinical ติดปลายนวมมาก่อนแล้วด้วยส่วนหนึ่ง

 

 

จำเป็นต้องสอบ UCAT หรือไม่?

เงื่อนไขนี้เป็นไปตามที่มหาลัยที่เราต้องการสมัคร ซึ่งบางที่ก็ต้องการ และไม่ต้องการ  การสมัครสอบ UCAT มีระยะเวลาด้วยกันสองชั่วโมงแบบออนไลน์ ซึ่งจะประกอบไปด้วยการสอบ

  1. Verbal Reasoning
  2. Decision Making
  3. Quantitative Reasoning
  4. Abstract Reasoning
  5. Situational Judgement

 

ข้อสำคัญ นักเรียนต้องวางแผน เนื่องจากมีระยะเวลาในการเปิดรับสมัครและทีต้องสอบตามทามไลน์ที่กำหนด

พฤษภาคม  :  เปิดให้ลงทะเบียน

มิถุนายน : เปิดให้ลงสมัคร

กรกฎาคม : สอบ

กันยายน:  เดดไลน์และมีการสอบช่วงสุดท้าย

พฤจิกายน:  ประกาศผลสอบให้ทางมหาลัย

 

การเตรียมตัวการสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่จะมีเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ

  1. Panel Interviews ซึ่งส่วนนี้จะเป็นคำถามแบบ multiple questions ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ 2-3 คนในการเข้าประชุม และตั้งคำถาม อาจจะมีเจ้าหน้าที่ในหลายๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นฝ่าย clinical เจ้าหน้าที่มหาลัย หรือนักเรียนแพทย์ระดับซีเนียร์ อาจารย์ ส่วนใหญ่ใช้เวลา 20-40 นาที การสร้างบทสนทนา เรื่องทั่วไป คำถามที่เคย ๆ ได้ยินมา เช่น

สมมุตเจ้าหน้าที่พูดคุยประวัติเราไปเรื่อย ๆ เค้าอาจจะเอาคำถามนั้นมาถามเพิ่ม เช่น คุณสมัครเรียนคณะแพทย์ มาหลายที่ และที่ผ่านมายังไม่ประสบความสำเร็จ คุณจัดการความล้มเหลวนั้นในตัวคุณอย่างไร อันนี้คำถามจริงที่เกิดขั้นครับ บางครั้งเจ้าหน้าที่อาจจะไม่ได้อยากรู้เรื่องเทคนิคมากสักเท่าไหร่ก็มีครับ

  1. Multiple Mini interview (MMI) ส่วนใหญ่จะเป็นคำถาม ด้าน soft skills
  • role-play
  • professional judgement
  • prioritization
  • giving instructions
  • calculation and data interpretation
  • problem based learning

ซึ่งส่วนนี้ INTO London จะช่วยนักเรียนในการจัดการเตรียมตัวฝึกฝนในการสัมภาษณ์แต่ละประเภท

ซึ่งมหาวิทยาลัยที่รับในเส้นทางของ International Foundation มีที่ไหนได้บ้าง?

 

Aston University

UK

University of Bristol

UK

Cardiff University

UK

UCLAN

UK

Queen Mary University (Malta Campus)

Malta

St George’s University Grenada

Grenada

The University of Western Australia

Australia

UNSW

Australia

The University of Auckland

New Zealand

University of Otago

New Zealand

 

ถ้านักเรียนที่สนใจในกลุ่มมหาลัยดังกล่าวนี้ การเลือกเรียน INTO London ถือเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสมกับนักเรียนไทยที่จบหลักสูตรมัธยมปลายมา โดยการเลือกเรียนแบบ Foundation Programme ในสายนี้เข้าไปเพื่อทำคะแนนให้ตรงตามที่มหาลัยกำหนด

 

มาถึงส่วนนี้แล้ว นักเรียนที่มองว่ามีความฝันอาชีพแพทย์หมอ ในต่างประเทศ จะพอเข้าใจถึงหลักการภาพรวม ๆ ก่อน ซึ่งให้ระลึกเสมอว่า การเข้าเรียนต่อคณะแพทย์ในต่างประเทศ เป็นคณะที่มีความซับซ้อนสุด และแต่ละมหาลัยถึงแม้จะอยู่ในประเทศเดียวกันก็รับไม่เหมือนกัน ดังนั้นจำเป็นต้องอ่านเนื้อหาให้ละเอียดและควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่าง ๆ น้อย 1-2 ปี

 

 

Content Owner:  LAIS อัพเดทข้อมูลเมื่อวันที่ 20/4/2023 ทำการแปลจาก INTO London

 

สนใจรายละเอียดเรียนแพทย์ในอังกฤษ เพิ่มเติมปรึกษาได้ที่ศูนย์วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ The Lion Academy of International Studies

 

The Lion Academy of International Studies

Lion Academy  คือศูนย์วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ เรียนต่ออังกฤษ เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อนิวซีแลนด์ เรียนต่อแคนาดา หากมองหา ที่ปรีกษาในการเรียนต่อต่างประเทศ เราพร้อมให้คำปรึกษาฟรีทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกสถาบันการศึกษาที่เหมาะสมกับความต้องการ และความสามารถของนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาระยะสั้นไปจนถึงระดับปริญญาเพื่อต่อยอดอนาคตของท่าน

ฟรี! ให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศ แนะแนวทางการเรียนต่อต่างประเทศ  สนใจเรียนต่อต่างประเทศติดต่อมาที 

The Lion Academy เราพร้อมให้ข้อมูลคุณ หรือ ใส่ข้อมูลติดต่อเบื้องต้นเพียงเล็กน้อยที่ฟอร์มด้านล่าง เราจะรีบติดต่อกลับโดยเร็วทึ่สุด..

*** หลังจากกดส่งแล้ว รบกวนรอ 5 วินาที ในการส่งนะคะ

ช่องทางการติดต่อเพิ่มเติม

หรือลูกค้าสามารถติดต่อเราผ่านทาง LINE ID เพียงคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ...!

Tel. 02-074-9020 , Mobile 097-080-5659