LAIS ศูนย์วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ ซัมเมอร์แคมป์ อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เยอรมัน ทุกระดับชั้นเรียน

Header5

เลือกพักกับโฮมสเตย์หรือหอพักในโรงเรียนอะไรดีกว่ากัน?

Homestay or Dormitory

ผู้ปกครองคนไทยที่กำลังหาสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ การเลือกที่พักก็เป็นส่วนประกอบสำคัญให้กับบุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่ไปเรียนต่อและอายุต่ำกว่า 16 ปีเป็นต้น หากโรงเรียนนั้นๆ มีตัวเลือกให้ว่า สามารถเลือกอยู่ได้สองแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพักกับครอบครัวที่เรากเรียกว่าอยู่กับโฮส หรือ โฮมสเตย์ หรือจะพักในหอพักนักเรียน ถ้าเล็กไปเลยแน่นอน โรงเรียนต้องให้อยู่กับผู้ใหญ่ หรือครอบครัวคนในพื้นที่นั้น ๆ

 

แล้วควรเลือกแบบไหนดี เดอะไลอ้อนข้อแนะนำแนวทางในการเลือกที่พักดังนี้ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน

 1. ให้พิจารณาที่คาแรกเตอร์ลูกของเราเป็นสำคัญก่อน ว่าลูกเราเป็นคนมีบุคลิกลักษณะอย่างไร เช่น หากลูกเรามีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ค่อยพูด เก็บตัว ไม่ชอบนอนกับใคร ไม่ชอบแชร์อะไรกับใครเยอะ ๆ การอยู่หออาจจะไม่เหมาะ เพราะว่าการพักที่หอพักนักเรียน ในบางโรงเรียนไม่ได้มีห้องเดี่ยวให้ จะต้องนอนแชร์กับนักเรียนอีกหนึ่งคน ซึ่งหากเลือกแบบโฮมสเตย์นักเรียนจะได้นอนห้องเดี่ยว ได้ทำอะไรส่วน เปิด ปิดไฟ ซึ่งการอยู่หอพัก บางที่ บางคนอย่างนอน บางคนอย่างอ่านหนังสือ ก็แน่นอนปัญหาเล็ก ๆ จุกจิกกวนใจก็มีได้เป็นเรื่องธรรมดา

2. การอยู่หอพักโรงเรียนข้อดี คือมีกฎระเบียบตายตัวมาตราฐานที่นักเรียนทุกคนต้องทำตาม โรงเรียนดูแลโดยตรง มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด ปัญหาเรื่องการเข้ากับเจ้าของบ้านที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันอาจจะไม่ค่อยเกิดขึ้นในหอพัก เนื่องจากทุกคนมาจากหลากหลายประเทศมีแบคกราวด์ค่อนข้างเหมือนกัน การดูแลจึงอยู่ในกฎกติกาเดียวกันที่โรงเรียนกำหนดอย่างเข้มงวดด้วยมาตราฐานเดียวกัน

3. การอยู่โฮมสเตย์ข้อดีคือ ราคาอาจจะถูกกว่าการพักหอพัก ด้วยปัจจัยไม่ว่าจะเป็นระยะทางอาจจะไม่ตั้งใกล้โรงเรียนมากนัก ขนาดของห้องที่มีตามลักษณะของบ้านหลังนั้นๆ แต่ส่วนใหญ่ได้นอนห้องเดียว บางที่อาจจะมีห้องน้ำในตัวให้ ส่วนใหญ่ก็แชร์กับเจ้าของบ้านตามมาตราฐาน ตามกฎระเบียบของบ้านนั้น ๆ ไป

4. การอยู่หอพักในบางที่ ติดกับโรงเรียนเลย ดังนั้นทำให้ไม่ต้องมีการเดินทาง สามารถอยู่ในเขตโรงเรียน สะดวก และประหยัดเวลาในการเดินทาง

5. การพักโฮมสเตย์อาจะได้เรียนรู้เรื่องของวิถีคนพื้นเมืองได้มากกว่า ได้เห็นวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เทศกาลต่าง ๆ ได้ชัดเจนกว่า อาจจะได้เรียนรู้ทางอ้อมๆ จากเจ้าของบ้านนั้นเอง

6. แต่การอยู่โฮมสเตย์ก็คงไม่ได้มีใครการันตีได้ 100 เปอร์เซนต์ว่าเจ้าของบ้านแท้จริงแล้วมีบุคลิกนิสัยเป็นอย่างไร อันนี้พูดกันตรง ๆ อย่างโลกไม่สวยไว้ก่อน ต่อให้โรงเรียนจะคัดเลือกมาแล้ว แต่เราก็ไม่มีทางทราบได้จริง ๆ ว่าเคมีของเค้าจะเข้ากับลูกเราได้หรือไม่อย่างไร บางคนก็ได้ประสบการณ์ที่ดีมา บางคนก็ไม่ได้ อันนี้ก็เป็นปัญหาที่เจอกันได้ทุกคน

 

ปัญหาที่เกิดได้ไม่ว่าจะอยู่หอพัก หรือโฮมสเตย์ ก็จะมีแน่อนอน ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นได้แน่ แต่อยากให้ผู้ปกครองและนักเรียนให้ปรับทัศนคติมุมมองที่จะเกิดขึ้นว่าปัญหานั้นรุนแรงมากน้อยแค่ไหน การไปอยู่ต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ต่างความเข้าใจ ต้องค่อย ๆ ปรับ ใช้เวลามากน้อยต่างกันแต่ละบุคคล

 

นักเรียนบางคนมีความคาดหวังมากน้อยต่างกัน เช่น บางคนมาจากครอบครัวที่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย อยู่ด้วยกันหมด การดูแลบุตรหลานข้าวต้องหาให้อยู่ มีรถรับส่งตลอด มีคนใช้ดูแล แต่เมื่อไปถึงต่างประเทศ หลาย ๆ อย่างต้องทำเอง ต้องปรับเปลี่ยนวิถีกันเยอะพอสมควร หรือนักเรียนบางคนพ่อแม่บอกให้มีความคาดหวังน้อย ๆ ไว้ก่อนเลย เพื่อสร้างมายเซทกันก่อนว่าจะไปเจอสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีใครดูแลได้เหมือนพ่อแม่ ต้องทำใจไว้ก่อน ต้องปรับตัว เด็ก ๆ จึงได้รับสอนไว้ก่อนว่าควรทำตัวอย่างไร ซึ่งอันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี การอยู่ต่างประเทศไม่มีทางที่จะเหมือนบ้านเราอย่างแน่นอน แต่ให้มองปัญหาเหล่านั้นเป็นวัคซีนให้บุตรหลาน สร้างภูมิคุ้มกันเค้าไว้ ของมันต้องเจอ อันนี้มีแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราจะอยู่มันและสร้างเป็นประสบการณ์ได้อย่างไร นั้นคือผลที่ได้จากการเรียนไปต่างประเทศนั้นเอง

 

หากมีอะไรนักเรียนควรพูดแสดงออก ไม่เก็บไว้ ชอบไม่ขอบอะไร สามารถแสดงออกได้อย่างถูกต้อง วิธีการนี้จะทำให้คนต่างชาติเข้าใจเราได้มากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น เจ้าของบ้านทำอาหาร บางอย่างเราทานไม่ได้ เราก็บอกเลยเราไม่ทานอันนี้ อันนี้ทานได้ คำว่า YES and No ใช้ให้ชัดเจน ไม่เข้าใจ เข้าใจ ก็แสดงออกให้ตรง บางคนจะติดว่าได้ ตลอด เข้าใจตลอด หรืออะไรก็ YES YES YES ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาคลาสสิคที่เราจะเจอกันอยู่ประจำ แต่เรากลับแสดงออกชัดเจนว่าไม่กับคนใกล้ตัวเช่น พ่อ แม่ ดังนั้นหากมีปัญหาตรงไหนไม่เข้าใจอะไร การได้พูด หรือสื่อสารนั้น ทำให้คลายปัญหาเล็ก ๆ ไปได้มากมายอยู่ทีเดียว แต่เสน่ห์ของนักเรียนไทยที่เรากล้าพูดได้ว่ามันมีอยู่ในตัวคือ ความเป็นไทย สัมมาคาระวะ ที่หาไม่ได้ในชาติอื่น นักเรียนไทยสร้างความประทับใจให้เจ้าของต่างชาติมาก็เยอะ ตรงนี้สร้างจุดประทับใจให้หลาย ๆ คนและทำให้นักเรียนไทยโดดเด่นเรื่องนี้ เป็นที่รักของเจ้าของบ้าน หรือครูอาจารย์ได้ไม่ใช่น้อย ดังนั้นการจะเลือกพักแบบไหนให้ผู้ปกครองนักเรียนดูที่ปัจจัยของเราก่อน และก็มาดูว่าแต่ละโรงเรียนที่เราจะไปนั้นมีตัวเลือกอะไรที่เหมาะกับเรามากที่สุด แล้วก็ไปเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับตัวเราต่อไปได้

KNOWLEDGE STATION